บทความ พร้อม ภาพถ่ายงานวิจัย ภาพถ่ายอาจารย์ หรือนักศึกษาเจ้าของผลงาน
เมื่อวันพุธที่ 16 กันยายน 2563 ที่ห้องประชุม 607 ชั้น 6 อาคารสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการสนับสนุนและวิจัยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ภาคสนามในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กับ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
“ระฆังฝรั่ง” วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 กลับมาดังก้องกังวานส่งสัญญาณกิจสงฆ์อีกครั้ง หลังจากที่คณะอาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ประดิษฐ์ชุดควบคุมการตีระฆังอัตโนมัติ เพื่อควบคุมการตีและกำหนดจังหวะการตีระฆังของวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามแล้วเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ.2563
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จาก Thailand Energy of Innovation and Technology Awards 2019 (TE-IT2019) ในผลงาน “ท่อเพิ่มความร้อนสำหรับเพิ่มสมรรถนะทางอุณหภาพ”
สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และบริษัท เลิศวิลัยแอนด์ซันส์ จํากัด ร่วมกันพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติอเนกประสงค์ Multi-functional Mobility: MuM II ถูกออกแบบและพัฒนาให้รองรับการทํางานหลากหลายหน้าที่ เพื่อเพิ่มประโยชน์ ด้วยหุ่นยนต์ที่สามารถปรับเปลี่ยนโมดูลด้านบนได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ได้แก่ โมดูลฆ่าเชื้อด้วย UV-C การส่งอาหาร และจ่ายยาอัตโนมัติ
“สร้างความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)” เดินหน้าเพื่อยกระดับและสร้าง “กำลังคนคุณภาพ” สู่ตลาดแรงงานไทยและภูมิภาคอาเซียน ผสานทักษะ Hard Skills และ Hyper-Relevant Skills
อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) แนะทองแดงสามารถทำลายเชื้อโรคได้โดยธรรมชาติหวังช่วยลดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-ไนน์ทีน (Covid-19) หากนำมาประยุกต์ติดกับปุ่มลิฟต์โดยสาร เตรียมนำร่องที่ลิฟต์โดยสารภายในมจธ. และพร้อมให้คำแนะนำสำหรับหน่วยงานและผู้สนใจ
สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งได้รับเชื้อจากผู้ป่วยระหว่างทำการตรวจและรักษา เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันตัวเองอย่างเช่น หน้ากากอนามัยแบบ N95 มีความขาดแคลน ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคอื่น ๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของงานดีไซน์แบบสถานีคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 หรือ COVID-19 Test Station ที่เกิดจากการออกแบบของอาจารย์สุนารี ลาวัลยะวัฒน์ และ Dr. Martin Schoch อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
บริษัทผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทยมีเพียง 11 บริษัท และมีเพียง 2-3 บริษัทเท่านั้นที่เป็นบริษัทรายใหญ่ที่มีกำลังผลิตสูง โดย รศ.ดร.บวรโชค ผู้พัฒน์ และอาจารย์นพณรงค์ ศิริเสถียร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) คุณไพศาล ตั้งชัยสิน นักศึกษาเก่าภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ และ นายทศพร บุญแท้ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม ได้ทำงานร่วมกับบริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด หวังช่วยให้โรงงานขนาดใหญ่มีกำลังผลิตเพิ่มมากขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว ใช้เงินลงทุนไม่มาก ร่วมกับใช้เครื่องเชื่อมอัลตราโซนิกแบบ Manual ที่ให้การผลิตต่ำกว่าเครื่องผลิตหน้ากากอนามัยแบบอัตโนมัติ
บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจหรือบุคคลที่คาดว่ามีการติดเชื้อ อุปกรณ์ดังกล่าวต้องสามารถนำไปใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงสามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ทั้งระหว่างการเคลื่อนย้ายจากที่พักและระหว่างรอรับการรักษา ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ รศ. ดร.วันชัย อัศวภูษิตกุล นายธวัชชัย เขียวคำรพ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ ผศ. สิทธิชัย วงศ์ธนสุภรณ์ จากบริษัท เอ ซี เทค จำกัด ได้ร่วมกันออกแบบและผลิต ”บอร์ดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีชุดบำบัดอากาศสำหรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ” เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่อากาศ ชุดอุปกรณ์สามารถถอดประกอบได้ง่าย ใช้ได้ทั้งในรถพยาบาล รถฉุกเฉิน และเตียงโรงพยาบาล สะดวกในการเคลื่อนย้ายและทำความสะอาด ศ. ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ กล่าวว่าอุปกรณ์ประกอบด้วยสามส่วนหลักๆ คือส่วนที่จะรองรับลมหายใจและสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยไม่ให้แพร่กระจายออกสู่ภายนอก ส่วนที่จะนำพาอากาศที่ติดเชื้อนี้เข้าสู่ชุดบำบัดอากาศและส่วนของการบำบัดอากาศ หลักการทำงาน คือ เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรับการรักษา เราก็จะให้ผู้ป่วยขึ้นไปนอนบนบอร์ดนี้ หลังจากนั้นก็ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำการครอบส่วนบนของผู้ป่วยด้วยถุงพลาสติก ต่อท่อลมระหว่างส่วนหัวของบอร์ดเข้ากับเครื่องบำบัดอากาศ และจึงเปิดระบบการบำบัดอากาศ อากาศที่ออกจากลมหายใจของผู้ป่วยซึ่งอาจมีสารคัดหลั่งอยู่ด้วยจะถูกดูดเข้าเครื่องบำบัด เพื่อกักและทำลายเชื้อโรคไม่ปล่อยสู่อากาศภายนอก ทำให้อากาศที่ออกมาปลอดจากเชื้อโรค ภายในถุงที่ครอบส่วนบนอยู่ จะมีความดันลบ…
ทีมนักวิจัยไทยประดิษฐ์ชุดอุปกรณ์ความดันลบ หรือ Negative Pressure Unit ซึ่งเป็นเครื่องแบบเคลื่อนย้ายได้สามารถติดตั้งได้กับทุกเตียงในโรงพยาบาลและรถพยาบาล ลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ในอากาศ ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ขณะทำหัตถการ ทางกลุ่มได้ส่งมอบแล้วให้กับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 2 เครื่อง ผลงานประดิษฐ์ฝีมือของนักวิจัยไทยที่รวมกลุ่มกันของกลุ่มจิตอาสาเพื่อการจัดการภัยพิบัติ (ERIG) บริษัท เนสเทค ประเทศไทย จำกัด (NESTECH) และมดอาสา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
ทีมอาจารย์และนักวิจัย มจธ. ได้ทำการออกแบบและทดสอบห้องฆ่าเชื้อที่ใช้ระบบพ่นไอระเหยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (HPV) ตามมาตรฐานที่รับรองโดย US.FDA พร้อมจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติการมาตรฐาน เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ ในช่วงระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ทีมนักศึกษาไทยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นทีมหนึ่งเดียวในเอเชียที่ผ่านเข้ารอบเข้าร่วมการแข่งขันบ้านประหยัดพลังงานระดับโลก Solar Decathlon Europe 2019 ณ ประเทศฮังการี ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีทีมจาก 19 มหาวิทยาลัยทั่วโลกจากหลายประเทศ ประกอบด้วย ประเทศอังกฤษ โรมาเนีย ฮังการี สเปน เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก เบลเยียม กรีซ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และอิตาลี เข้าร่วมการแข่งขัน
Whizdom Society by MQDC ทุ่มงบฯกว่า 30 ล้านบาท จัดโครงการ Whizdom Scholarship ผลักดันและสนับสนุนเยาวชนไทยเป็นสังคมของคนดีและคนเก่ง พัฒนาทั้งด้านจิตใจและศักยภาพเพื่อก้าวสู่เวทีโลก ด้วยการให้ทุนด้านที่อยู่อาศัยและทุนพัฒนาทักษะตนเอง ทยอยจับมือระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ เริ่มต้น 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองไทย
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกเป็นอันดับที่ 4 และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสู่อันดับที่ 3 ในปี 2020 มักจะเกิดกับผู้สูบบุหรี่จัด โดยส่วนใหญ่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังจะพบในช่วงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ปัจจุบันยังไม่มมีวิธีการรักษาให้หายเป็นปกติ เพียงแต่บรรเทาอาการของโรคได้เท่านั้น เช่น การใช้ยาพ่นขยายหลอดลม การผ่าตัดเพื่อลดปริมาตรของปอด เป็นต้น ซึ่งการบรรเทาอาการด้วยยาพ่นขยายหลอดลมนั้นช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น แต่หากใช้งานต่อเนื่องอาจส่งผลให้เกิดอาการสั่นได้ ส่วนการผ่าตัดลดปริมาตรของปอดนั้นสามารถทำให้ผู้ป่วยหายใจได้ดีขึ้น แต่วิธีดังกล่าวเป็นวิธีทำให้เกิดแผลที่ใหญ่และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ตามมา ทีมนักวิจัยสมาร์ทแล็บ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนุบรี (มจธ.) ประกอบด้วย นายศุภกิจ อมรฐิติพงศ์ นายถกล กิจรัตนเจริญ นายชวิน เกยานนท์ และนางสาวปภัสณา วงษ์แพทย์ โดยมี รศ.ดร.อนรรฆ ขันธะชวนะ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ได้คิดค้นนวัตกรรม การใช้อุปกรณ์วาล์วทางเดียวจากโลหะผสมจำรูปเพื่อใช้รักษาโรคถุงลมโป่งพอง เป็นการออกแบบและผลิตอุปกรณ์รักษาโรคถุงลมโป่งพองชนิดขดลวดคํ้ายันประกบวาล์วทางเดียวจากวัสดุฉลาดประเภทโลหะผสมจำรูป นิกเกิล-ไทเทเนียม เพื่อช่วยในการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง โดยผลงานนี้เป็นความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายศุภกิจ อมรฐิติพงศ์ หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า อุปกรณ์ที่ใช้ทำจากวัสดุฉลาด มีความยืดหยุ่น สามารถคืนรูปได้ ซึ่งจะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่สามารถลดปริมาตรอากาศในปอดได้…
ผ้าก๊อซปิดแผล เป็นวัสดุปิดแผลที่นิยมใช้ทั่วไปเนื่องจากมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย แต่ดูดซึมสารคัดหลั่งได้น้อยและไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซึ่งอาจจะนำไปสู่การอักเสบของแผลได้ จึงทำให้บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ผลิตวัสดุปิดแผลในรูปแบบต่างๆ เช่น ไฮโดรไฟเบอร์ ไฮโดรคอลลอยด์ และแผ่นโฟม ออกมาจำหน่าย ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง ผศ.ดร.เขมฤทัย ถามะพัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ นางสาวสุวนันท์ คล้ายศรี และนางสาวสุทธิดา แก้ววิเศษ นักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จึงได้คิดค้นและพัฒนา “บียอนด์ก๊อซ หรือ Beyond Gauze” ผ้าก๊อซราคาถูกที่มีความสามารถในการดูดซับสารคัดหลั่งได้ดี สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย และสามารถใช้กับแผลลักษณะต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมวัสดุปิดแผลที่ทำมาจากผ้าก๊อซซึ่งเป็นฝ้ายบริสุทธิ์และมีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด มาเปลี่ยนสภาพพื้นผิวให้มีความสามารถในการดูดซับสารคัดหลั่งได้ดี จากนั้นจึงนำมาเคลือบด้วยสารต้านเชื้อแบคทีเรียที่สังเคราะห์ขึ้นจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรด้วยเทคโนโลยีการผลิตสีเขียว (green technology) โดย “Beyond Gauze” มีความสามารถในการดูดซับสารคัดหลั่ง เช่น เลือด หรือน้ำหนอง ได้ดีกว่าผ้าก๊อซที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดถึง 50 เท่า และยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียได้กว่า 3 ล้านเซลล์ มีราคาถูกกว่าวัสดุปิดแผลที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศถึง 20 เท่า โดยสามารถนำ “Beyond Gauze” ไปใช้กับบาดแผลได้ทุกลักษณะ เช่น…